Phineas Gage ชายผู้ถูกเหล็กแทงทะลุหัว “แต่ไม่ตาย”

ในประวัติศาสตร์ของวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีเหตุการณ์ที่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญหลายครั้ง หนึ่งในเหตุการณ์ที่น่าสนใจที่สุดคือกรณีของ Phineas Gage ชายผู้ซึ่งประสบอุบัติเหตุอันน่าตกใจ แต่ยังรอดชีวิตมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ กรณีของ Gage ไม่เพียงแต่ทำให้นักวิทยาศาสตร์และแพทย์ในยุคนั้นตื่นตะลึง แต่ยังกลายเป็นคดีตัวอย่างที่สำคัญในการศึกษาการทำงานของสมองและบุคลิกภาพมนุษย์

อุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน

ในวันที่ 13 กันยายน ค.ศ. 1848 Phineas Gage วัย 25 ปี กำลังทำงานเป็นหัวหน้าคนงานก่อสร้างทางรถไฟในรัฐเวอร์มอนต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ขณะที่เขากำลังใช้เหล็กแทงระเบิดเพื่อเจาะรูในหิน เกิดระเบิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด เหล็กแทงระเบิดขนาด 3 ฟุตได้ทะลุผ่านแก้มซ้ายของเขา เจาะทะลุกะโหลกและสมองส่วนหน้าของเขา และพุ่งออกทางด้านบนของกะโหลกศีรษะ เหล็กนั้นทะลุผ่านสมองของ Gage อย่างเต็มที่ แต่ที่น่าทึ่งก็คือ เขายังมีชีวิตรอดและสามารถเดินและพูดคุยได้ทันทีหลังอุบัติเหตุ

การเปลี่ยนแปลงทางบุคลิกภาพ

แม้ Gage จะรอดชีวิต แต่อุบัติเหตุนี้ได้ส่งผลกระทบต่อเขาอย่างมากในด้านจิตใจและบุคลิกภาพ นักประวัติศาสตร์ทางการแพทย์ระบุว่า ก่อนเกิดอุบัติเหตุ Gage เป็นคนที่ทำงานมีระเบียบวินัย อ่อนโยน และเป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนร่วมงาน แต่หลังจากอุบัติเหตุ เขากลายเป็นคนหุนหันพลันแล่น โกรธง่าย และขาดความรับผิดชอบ นักวิจัยในยุคนั้นเชื่อว่าความเสียหายของสมองส่วนหน้าของเขามีผลโดยตรงต่อการควบคุมอารมณ์และการตัดสินใจ

ผลกระทบต่อวงการประสาทวิทยาศาสตร์

กรณีของ Phineas Gage กลายเป็นหัวข้อการศึกษาที่สำคัญในวงการแพทย์ โดยเฉพาะในด้านประสาทวิทยาศาสตร์และจิตเวชศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพของ Gage ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสมองมีบทบาทสำคัญในการกำหนดบุคลิกและพฤติกรรมของมนุษย์ กรณีของ Gage ช่วยให้แพทย์เข้าใจว่าสมองส่วนหน้า (frontal lobe) เป็นส่วนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์ การตัดสินใจ และความสามารถในการวางแผน การค้นพบนี้ส่งผลให้เกิดการศึกษาทางประสาทวิทยาในทศวรรษต่อมาและทำให้ความเข้าใจเกี่ยวกับสมองมนุษย์มีความก้าวหน้ามากขึ้น

ชีวิตหลังอุบัติเหตุ

Phineas Gage มีชีวิตอยู่ต่อไปอีก 12 ปีหลังจากอุบัติเหตุ เขาทำงานหลายอาชีพ รวมถึงการเป็นพนักงานในพิพิธภัณฑ์และการดูแลม้าในชิลี แม้ว่าบุคลิกภาพของเขาจะเปลี่ยนแปลงไป แต่เขายังคงสามารถดำเนินชีวิตได้ด้วยตนเอง ในปี 1860 เขาเสียชีวิตจากภาวะชักอย่างรุนแรงในวัย 36 ปี

มรดกทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์

ถึงแม้ว่า Phineas Gage จะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่กะโหลกของเขายังคงถูกเก็บรักษาไว้และจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ของ Harvard Medical School เป็นการย้ำเตือนถึงความสำคัญของกรณีศึกษานี้ในวงการประสาทวิทยา กรณีของ Gage ยังคงเป็นที่ศึกษาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากมันได้แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนและความเปราะบางของสมองมนุษย์ รวมถึงบทบาทของสมองส่วนต่างๆ ที่มีต่อพฤติกรรมและบุคลิกภาพ

Phineas Gage ไม่ได้เป็นเพียงชายผู้ประสบอุบัติเหตุอันน่าทึ่ง แต่เขายังเป็นสัญลักษณ์ของความเข้าใจใหม่ในด้านการทำงานของสมองมนุษย์ กรณีของเขาทำให้วงการแพทย์และนักวิทยาศาสตร์สามารถเจาะลึกถึงการทำงานของสมองและความสัมพันธ์ระหว่างสมองกับบุคลิกภาพมนุษย์ได้มากขึ้น แม้ว่าจะผ่านมานานกว่า 150 ปี กรณีของ Phineas Gage ยังคงมีความสำคัญในประวัติศาสตร์ทางการแพทย์และยังคงได้รับการกล่าวถึงอยู่เสมอ

Wikipedia

Share