ไขความลับความลึกลับของ “สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา”

สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา (Bermuda Triangle) เป็นพื้นที่ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือที่ถูกเล่าขานอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการหายสาบสูญอย่างลึกลับของเรือและเครื่องบิน พื้นที่นี้ถูกกำหนดโดยจุดสามจุดหลักคือ เบอร์มิวดา (Bermuda), ไมอามี (Miami) ในรัฐฟลอริดา และซานฮวน (San Juan) ในเปอร์โตริโก เมื่อเชื่อมต่อจุดเหล่านี้เข้าด้วยกันจะได้รูปสามเหลี่ยมที่ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 500,000 ตารางไมล์

ประวัติความเป็นมา

ความสนใจต่อสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเริ่มขึ้นในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 แม้ว่าจะมีการหายสาบสูญของเรือและเครื่องบินในพื้นที่นี้มานานก่อนหน้านั้น แต่การรายงานและการสืบสวนอย่างจริงจังเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์หายสาบสูญของ “Flight 19” ในปี 1945 และการหายไปของเรือ USS Cyclops ในปี 1918 เรื่องราวเหล่านี้ได้รับความสนใจจากสื่อและนักเขียน ทำให้สามเหลี่ยมเบอร์มิวดากลายเป็นตำนานที่แพร่หลาย

เหตุการณ์สำคัญ

  1. Flight 19 (1945): กลุ่มเครื่องบินทิ้งระเบิด TBM Avenger ของกองทัพเรือสหรัฐฯ จำนวน 5 ลำ หายไปในระหว่างการฝึกบินจากฐานทัพเรือในฟลอริดา นักบินรายงานว่าเครื่องมือการนำทางทำงานผิดปกติและไม่สามารถหาทางกลับฐานได้ เครื่องบินที่ถูกส่งไปค้นหาก็หายไปด้วย
  2. USS Cyclops (1918): เรือบรรทุกสินค้าของกองทัพเรือสหรัฐฯ หายไปพร้อมกับลูกเรือ 309 คน ระหว่างการเดินทางจากบราซิลไปยังบัลติมอร์ ไม่มีการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือและไม่มีร่องรอยของเรือถูกพบ
  3. SS Marine Sulphur Queen (1963): เรือบรรทุกกำมะถันเหลว หายไปในพื้นที่สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาโดยไม่มีการส่ง
  4. สัญญาณ SOS

ทฤษฎีและคำอธิบาย

1. ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ:

  • สภาพอากาศที่แปรปรวน: พื้นที่สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีพายุเฮอริเคนและพายุโซนร้อนเกิดขึ้นบ่อยครั้ง สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วสามารถทำให้เรือและเครื่องบินประสบอุบัติเหตุได้
  • คลื่นยักษ์ (Rogue Waves): คลื่นที่มีความสูงมากกว่า 30 เมตร สามารถเกิดขึ้นได้ในมหาสมุทรเปิด ทำให้เรือขนาดใหญ่จมลงได้ในเวลาอันสั้น
  • กระแสน้ำในมหาสมุทร: กระแสน้ำกัลฟ์สตรีม (Gulf Stream) ที่ไหลผ่านพื้นที่นี้สามารถทำให้เกิดกระแสน้ำที่แรงและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อการนำทางของเรือและเครื่องบิน

2. ความผิดปกติของสนามแม่เหล็ก:

  • บางทฤษฎีเสนอว่าสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นหนึ่งในสองสถานที่บนโลกที่เข็มทิศจะชี้ไปยังทิศเหนือแท้จริง (True North) แทนที่จะเป็นทิศเหนือแม่เหล็ก (Magnetic North) ซึ่งอาจทำให้นักบินและกะลาสีเกิดความสับสนในการนำทาง

3. ปล่อยก๊าซมีเทนจากพื้นทะเล:

  • การปล่อยก๊าซมีเทนจากชั้นไฮเดรตใต้พื้นทะเลอาจทำให้ความหนาแน่นของน้ำลดลง ทำให้เรือสูญเสียการลอยตัวและจมลง

4. ทฤษฎีเหนือธรรมชาติและเอเลี่ยน:

  • บางคนเชื่อว่าการหายสาบสูญเป็นผลมาจากกิจกรรมของสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว หรือการเปิดประตูมิติที่ทำให้วัตถุและคนหายไป

ข้อเท็จจริงและมุมมองทางวิทยาศาสตร์

นักวิทยาศาสตร์และหน่วยงานทางการส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่าไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนที่สนับสนุนการมีอยู่ของปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติในสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา การหายสาบสูญที่เกิดขึ้นสามารถอธิบายได้ด้วยสาเหตุธรรมดา เช่น สภาพอากาศที่เลวร้าย, ความผิดพลาดของมนุษย์, ข้อบกพร่องทางเทคนิค, และการนำทางที่ผิดพลาด หน่วยยามฝั่งของสหรัฐฯ และ Lloyd’s of London ได้ระบุว่าอัตราการหายสาบสูญในพื้นที่นี้ไม่ได้สูงกว่าส่วนอื่น ๆ ของมหาสมุทรที่มีการเดินเรือหนาแน่น นอกจากนี้ การตรวจสอบข้อมูลในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไม่พบว่ามีจำนวนเหตุการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้เกิดขึ้นมากกว่าพื้นที่อื่น

สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของวิธีที่ตำนานและเรื่องเล่าถูกสร้างขึ้นและขยายความ แม้ว่าจะมีการหายสาบสูญของเรือและเครื่องบินในพื้นที่นี้ แต่ส่วนใหญ่สามารถอธิบายได้ด้วยสาเหตุธรรมดา การวิจัยและการตรวจสอบข้อเท็จจริงชี้ให้เห็นว่าไม่มีปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติหรือความผิดปกติที่ไม่สามารถอธิบายได้เกิดขึ้นในสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา

Share