East Area Rapist “ฆาตกรต่อเนื่องและผู้ก่อเหตุข่มขืน” ที่สร้างความหวาดกลัวทั่วรัฐแคลิฟอร์เนีย

คดีของ East Area Rapist หรือที่รู้จักกันในชื่ออื่น ๆ เช่น Golden State Killer และ Original Night Stalker เป็นหนึ่งในคดีที่สะเทือนขวัญที่สุดในประวัติศาสตร์อาชญากรรมของสหรัฐอเมริกา ฆาตกรคนนี้ก่อเหตุทั้งการข่มขืนและฆาตกรรมมาตั้งแต่ช่วงปี 1970 จนถึงปี 1986 โดยก่อเหตุในหลายเมืองทั่วรัฐแคลิฟอร์เนีย คดีนี้เป็นปริศนาที่ใช้เวลากว่าสี่ทศวรรษในการไขคดี จนกระทั่งมีการใช้เทคโนโลยี DNA ที่ล้ำสมัยทำให้สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ในที่สุด

จุดเริ่มต้นของคดี

เหตุการณ์ครั้งแรกของ East Area Rapist เกิดขึ้นในช่วงกลางทศวรรษ 1970 ในย่าน Sacramento County รัฐแคลิฟอร์เนีย ผู้ก่อเหตุเริ่มต้นด้วยการบุกเข้าบ้านเหยื่อในช่วงเวลากลางคืน ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของเขามักเป็นผู้หญิงที่อาศัยอยู่เพียงลำพังหรือคู่สมรส ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามตามรอยผู้ก่อเหตุ อาชญากรรมที่เกิดขึ้นก็ค่อยๆ รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาจะมัดเหยื่อ ข่มขืนพวกเธอ และขู่เข็ญให้พวกเขาหวาดกลัว การข่มขืนที่ East Area Rapist ก่อเหตุมีลักษณะที่น่าขนลุกและเต็มไปด้วยความรุนแรง เหยื่อหลายคนกล่าวว่าเขามักจะสำรวจบ้านก่อนเกิดเหตุ ทำให้ทราบข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับเหยื่อ เช่น ที่ตั้งของหน้าต่าง ประตู หรือทางหนีออกจากบ้าน พฤติกรรมการบุกรุกบ้านก่อนที่จะลงมือทำให้เกิดความสยดสยองในชุมชนอย่างมาก

การพัฒนาคดีและการฆาตกรรม

ในปี 1976 ถึงปี 1979 ฆาตกรข่มขืนมากกว่า 50 ครั้งในพื้นที่ Sacramento และเมืองอื่น ๆ เช่น Stockton, Modesto, และ Contra Costa County ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนพฤติกรรมจากการข่มขืนไปสู่การฆาตกรรม เหยื่อที่ถูกฆาตกรรมส่วนใหญ่เป็นคู่สมรส เขาจะบุกเข้าบ้าน ข่มขืนผู้หญิง และฆ่าทั้งคู่ คดีที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางคือการฆาตกรรมของ Brian และ Katie Maggiore ในปี 1978 พวกเขาถูกฆ่าในขณะที่กำลังเดินเล่นกับสุนัขของตนในเขต Rancho Cordova การฆาตกรรมครั้งนี้กลายเป็นปริศนาที่แก้ไม่ตกมานานหลายปี หลังจากปี 1979 ผู้ก่อเหตุได้ขยายขอบเขตการก่อเหตุไปยังพื้นที่ทางใต้ของแคลิฟอร์เนีย และได้เริ่มถูกเรียกว่า Original Night Stalker โดยเหยื่อหลายรายถูกพบว่าเสียชีวิตในบ้านของตนเอง เหตุการณ์เหล่านี้ยิ่งทำให้สังคมหวาดกลัวและเกิดความตื่นตัวมากขึ้น

รูปแบบการก่อเหตุและพฤติกรรมซ้ำ ๆ

East Area Rapist มักจะวางแผนการก่อเหตุอย่างละเอียด โดยเขาจะมักจะบุกเข้าบ้านในช่วงเวลากลางคืน เขาใช้วิธีการบุกรุกเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้เหยื่อรู้สึกตัว และใช้เชือกมัดเหยื่อ จากนั้นเขาจะใช้เวลาทรมานพวกเขาทั้งร่างกายและจิตใจอย่างโหดร้าย บางครั้งเขาจะใช้ของมีคม หรือแม้แต่ใช้อุปกรณ์ภายในบ้านเหยื่อในการก่อเหตุ พฤติกรรมที่ทำให้คนในชุมชนหวาดกลัวมากที่สุดคือการที่เขามักจะโทรศัพท์ไปหาครอบครัวเหยื่อหลังจากเกิดเหตุ บางครั้งโทรศัพท์เหล่านี้มาจากที่อยู่ห่างไกลจากที่เกิดเหตุเพื่อยืนยันว่าเขายังเป็นอิสระ และพร้อมจะก่อเหตุอีกครั้งเมื่อไหร่ก็ได้

การสืบสวนและการใช้ DNA ในการไขคดี

ในช่วงปี 1980 คดีของ East Area Rapist กลายเป็นหนึ่งในคดีที่ยากจะสืบสวน เนื่องจากขาดหลักฐานที่สามารถชี้ชัดตัวผู้ก่อเหตุได้ ตำรวจได้พยายามสืบหาตัวฆาตกรมานานหลายสิบปีแต่ไม่สามารถหาหลักฐานเพียงพอที่จะจับกุมได้ คดีถูกทิ้งค้างเป็นปริศนาจนกระทั่งมีการนำเทคโนโลยีทางนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยเหลือในการสืบสวน จุดเปลี่ยนของคดีเกิดขึ้นในปี 2018 เมื่อเจ้าหน้าที่สามารถใช้เทคโนโลยีการสืบสวนทางพันธุกรรม (genetic genealogy) ในการตรวจสอบ DNA จากที่เกิดเหตุ DNA ของฆาตกรสามารถนำไปเปรียบเทียบกับฐานข้อมูล DNA สาธารณะที่ใช้ในการสืบหาเชื้อสาย ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถตามรอยสายพันธุกรรมที่ตรงกันกับผู้ต้องสงสัยได้ หลังจากการสืบสวนและเปรียบเทียบ DNA เจ้าหน้าที่สามารถระบุได้ว่า Joseph James DeAngelo ชายวัย 72 ปีในขณะนั้น เป็นผู้ก่อเหตุในคดีที่กินเวลานานกว่าสี่ทศวรรษ

การจับกุมและการพิจารณาคดี

Joseph James DeAngelo เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งความสามารถในงานสืบสวนและการฝึกฝนทางกายภาพทำให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงการจับกุมเป็นเวลานานหลายปี เขาถูกจับกุมในเดือนเมษายน 2018 ที่บ้านของเขาใน Citrus Heights, California หลังจากการจับกุม DeAngelo ก็สารภาพต่อเจ้าหน้าที่ว่าเขาคือผู้ก่อเหตุในคดี East Area Rapist และ Original Night Stalker ในระหว่างการพิจารณาคดี มีการฟ้องร้อง DeAngelo ในข้อหาข่มขืนและฆาตกรรมจำนวนมาก การพิจารณาคดีนี้ได้กลายเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ประชาชนและสื่อมวลชนทั่วประเทศติดตาม ด้วยความสนใจในตัวฆาตกรที่สร้างความหวาดกลัวให้กับชุมชนมาเป็นเวลานาน ในเดือนสิงหาคม 2020 Joseph James DeAngelo ได้ยอมรับผิดในข้อหาข่มขืนและฆาตกรรมทั้งหมดกว่า 13 คดี และถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่มีโอกาสในการปล่อยตัว เขาให้การว่าในช่วงเวลาที่ก่อเหตุ เขาได้ปิดกั้นความทรงจำและจิตสำนึกของเขาในฐานะตำรวจ และกลายเป็นบุคคลที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย

ผลกระทบและความสำคัญของคดี

คดีของ East Area Rapist สร้างผลกระทบอย่างมหาศาลต่อชุมชนในแคลิฟอร์เนีย ทั้งในด้านความหวาดกลัวและความไม่ไว้วางใจในระบบรักษาความปลอดภัย นอกจากนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีทางนิติวิทยาศาสตร์ที่สามารถช่วยในการไขคดีที่ถูกทิ้งค้างมาเป็นเวลานาน เทคโนโลยี genetic genealogy กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการสืบสวนคดีอาชญากรรมที่มีหลักฐานทาง DNA และเป็นก้าวใหม่ของการสืบสวนอาชญากรรมที่เคยเป็นปริศนา

คดีของ East Area Rapist หรือ Golden State Killer เป็นหนึ่งในคดีฆาตกรรมและข่มขืนที่สะเทือนขวัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ การกระทำของ Joseph James DeAngelo สร้างความหวาดกลัวและความทุกข์ทรมานให้กับเหยื่อและชุมชนในแคลิฟอร์เนียเป็นเวลาหลายสิบปี คดีนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของฆาตกร แต่ยังเป็นบทเรียนสำคัญในเรื่องการสืบสวนคดีและการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการจับกุมผู้ก่อเหตุ

Wikipedia

Share