“The Moneyless Man” หรือ “ชายไร้เงินตรา” เป็นเรื่องราวของ Mark Boyle นักกิจกรรมและนักเขียนชาวไอริช ผู้ที่กลายเป็นที่รู้จักจากการตัดสินใจใช้ชีวิตโดยไม่พึ่งพาเงินตราเลยแม้แต่บาทเดียว เรื่องราวของเขาไม่เพียงแต่ท้าทายระบบเศรษฐกิจและวิถีชีวิตที่เราคุ้นเคย แต่ยังตั้งคำถามถึงความหมายของความสุขและความยั่งยืนในโลกที่ถูกครอบงำโดยการบริโภคและการใช้ทรัพยากรอย่างไม่ยั้งคิด
ใครคือ Mark Boyle?
Mark Boyle เกิดในไอร์แลนด์เมื่อปี 1979 เขาศึกษาด้านธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ และในช่วงแรกของชีวิตการทำงาน เขาทำงานเป็นผู้จัดการธุรกิจด้านอาหารออร์แกนิก ในตอนแรก Boyle เองก็ใช้ชีวิตตามปกติเหมือนคนทั่วไปที่พึ่งพาเงินในการดำรงชีวิต แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาเริ่มรู้สึกว่าเงินตราและระบบทุนนิยมมีบทบาททำลายล้างความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ รวมถึงการพึ่งพาตนเอง แรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ Boyle ตัดสินใจละทิ้งการใช้เงินคือหนังสือของ Mahatma Gandhi และแนวคิดเรื่อง “Swaraj” ที่ส่งเสริมการพึ่งพาตนเองและชีวิตที่เรียบง่าย Boyle ต้องการพิสูจน์ว่ามนุษย์สามารถดำรงชีวิตได้โดยไม่พึ่งพาระบบทุนนิยมและเงินตรา เขาเชื่อว่าการเลิกใช้เงินจะนำไปสู่การมีชีวิตที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้นและสร้างความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม
จุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตแบบไร้เงิน
ในปี 2008 Mark Boyle ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นการทดลองชีวิตใหม่ โดยเขาใช้ชีวิตโดยไม่พึ่งพาเงินเป็นเวลา 1 ปีเต็ม การตัดสินใจนี้เป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมากในโลกปัจจุบันที่เงินมีบทบาทสำคัญในทุกแง่มุมของชีวิต ตั้งแต่การซื้ออาหาร การจ่ายค่าเช่า ไปจนถึงการใช้บริการพื้นฐานเช่นไฟฟ้าและน้ำ
การทดลองชีวิตแบบไร้เงินเริ่มต้นด้วยการวางแผนอย่างรอบคอบ Boyle ต้องหาวิธีการเพื่อให้เขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่พึ่งพาการซื้อขายและการแลกเปลี่ยนด้วยเงิน เขาเริ่มปลูกพืชผักของตัวเองและหาวัตถุดิบอาหารจากธรรมชาติรอบตัว เช่น การเก็บพืชผักผลไม้ในป่าหรือการเลี้ยงสัตว์บางชนิด นอกจากนี้ เขายังตั้งกฎว่าหากจำเป็นต้องใช้ของบางอย่าง เขาจะแลกเปลี่ยนด้วยทักษะหรือแรงงานของเขาแทนการใช้เงิน หนึ่งในปัญหาที่ Boyle ต้องเผชิญคือการจัดหาที่อยู่อาศัยและพลังงานทดแทน เขาแก้ปัญหาด้วยการสร้างบ้านหลังเล็ก ๆ จากวัสดุเหลือใช้และรีไซเคิล เขายังใช้พลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ในการให้แสงสว่างและทำความร้อน นอกจากนี้ เขายังทำสบู่และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันด้วยตัวเอง
ชีวิตไร้เงินในทางปฏิบัติ
ชีวิตแบบไร้เงินของ Mark Boyle ต้องอาศัยการวางแผนอย่างรอบคอบและความอดทน เขาต้องเปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับการดำรงชีวิตทั้งหมด ซึ่งแตกต่างจากการใช้ชีวิตในระบบเศรษฐกิจปกติ ในช่วงปีที่เขาใช้ชีวิตโดยไม่ใช้เงิน เขาต้องทำทุกอย่างด้วยตนเอง ตั้งแต่การจัดหาอาหาร การผลิตสิ่งของจำเป็น ไปจนถึงการสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนรอบตัวเพื่อแลกเปลี่ยนทรัพยากรและทักษะ ตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือการหาอาหาร Boyle เลือกปลูกพืชผักของตัวเองในแปลงสวน และหาอาหารป่าจากธรรมชาติที่อยู่รอบตัว เช่น พืชป่า ผลไม้ป่า และการหาปลาในลำธาร นอกจากนี้เขายังใช้วิธีการขยะเก็บอาหารที่ถูกทิ้งจากร้านค้า ซึ่งเป็นการนำทรัพยากรที่ถูกมองว่าไร้ค่าไปใช้ประโยชน์อีกครั้ง Boyle ยังจัดการกับปัญหาพลังงานโดยการสร้างเตาฟืนแบบง่าย ๆ และใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการทำงานบางอย่าง เช่น การให้แสงสว่างในบ้าน การใช้น้ำก็เป็นเรื่องสำคัญ Boyle เก็บน้ำฝนเพื่อนำมาใช้ในการดื่มและการอุปโภค และเขาเน้นการใช้น้ำอย่างประหยัดที่สุด
แนวคิดที่อยู่เบื้องหลังการดำรงชีวิตแบบไร้เงิน
เหตุผลที่ Boyle เลือกใช้ชีวิตแบบนี้ไม่ใช่เพียงเพราะเขาต้องการท้าทายตัวเอง แต่เป็นเพราะเขาเชื่อว่าระบบทุนนิยมและการใช้เงินเป็นสิ่งที่บั่นทอนความเป็นมนุษย์และธรรมชาติ การพึ่งพาการผลิตสินค้าในระบบอุตสาหกรรมทำให้มนุษย์ห่างไกลจากวิถีชีวิตที่ยั่งยืนและทำลายสิ่งแวดล้อม Boyle เชื่อว่าหากมนุษย์สามารถดำรงชีวิตโดยไม่พึ่งพาเงินตราได้มากขึ้น เราจะสามารถลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างสังคมที่มีความเป็นธรรมและยั่งยืนมากขึ้น Boyle ยังเน้นถึงความสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์กับคนรอบข้างและชุมชน เขามองว่าการใช้เงินทำให้มนุษย์ห่างไกลจากความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับผู้อื่น การแลกเปลี่ยนด้วยแรงงานและทักษะทำให้คนรู้สึกว่าตนมีคุณค่าและมีความหมายมากขึ้น การพึ่งพาซึ่งกันและกันเป็นหลักการที่ Boyle ยึดถือ และเขาเชื่อว่าการกลับไปสู่สังคมที่ให้ความสำคัญกับชุมชนจะทำให้ชีวิตมีความสุขและสมดุลมากขึ้น
การเผยแพร่แนวคิด
หลังจากที่ใช้ชีวิตโดยไม่พึ่งพาเงินเป็นเวลา 1 ปี Boyle ได้เขียนหนังสือชื่อ “The Moneyless Man: A Year of Freeconomic Living” ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2010 หนังสือเล่มนี้บอกเล่าเรื่องราวของการทดลองชีวิตของเขา และเน้นถึงประโยชน์ที่ได้จากการดำรงชีวิตอย่างเรียบง่ายและไม่พึ่งพาเงิน หนังสือเล่มนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วโลกที่ต้องการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของตนเองเพื่อลดการพึ่งพาเงินและการบริโภคที่ไม่จำเป็น นอกจากหนังสือเล่มนี้ Boyle ยังเป็นผู้ก่อตั้ง “Freeconomy” ซึ่งเป็นชุมชนออนไลน์ที่สนับสนุนการแลกเปลี่ยนสินค้าและทักษะโดยไม่ใช้เงิน ชุมชนนี้เปิดโอกาสให้คนที่ต้องการลดการใช้เงินในชีวิตประจำวันสามารถเข้ามาแลกเปลี่ยนทรัพยากรและความรู้กันได้
ชีวิตหลังจากนั้น
หลังจากที่จบการทดลองชีวิตแบบไร้เงิน Boyle ยังคงมีความมุ่งมั่นในการดำเนินชีวิตอย่างยั่งยืนและลดการพึ่งพาเงินตรา เขาย้ายไปอยู่ในฟาร์มเล็ก ๆ ที่ปลูกพืชผักและเลี้ยงสัตว์เพื่อเลี้ยงตัวเอง เขายังคงเป็นนักเขียนและนักกิจกรรมที่สนับสนุนการลดการบริโภคและการกลับไปสู่ชีวิตที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติBoyle มองว่าการใช้ชีวิตแบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยให้มนุษย์ค้นพบความหมายและคุณค่าที่แท้จริงในชีวิต การดำรงชีวิตที่เรียบง่ายและพึ่งพาตนเองสามารถนำมาซึ่งความสุขและความสงบที่ไม่สามารถหาได้จากเงินตรา
เรื่องราวของ Mark Boyle และ “The Moneyless Man” แสดงให้เห็นถึงการท้าทายวิถีชีวิตแบบทุนนิยมและการแสวงหาความยั่งยืนผ่านการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย Boyle แสดงให้เห็นว่ามนุษย์สามารถดำรงชีวิตได้โดยไม่ต้องพึ่งพาเงินตรา และยังสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับธรรมชาติและคนรอบข้างได้อีกด้วย แนวคิดนี้ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วโลกที่ต้องการค้นหาทางเลือกใหม่ในการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนและมีความสุขในโลกที่เต็มไปด้วยการบริโภค