ในระบบสุริยะที่กว้างใหญ่และเต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ต่าง ๆ หนึ่งในความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดคือภูเขาไฟ Olympus Mons ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดที่เคยค้นพบในระบบสุริยะของเรา Olympus Mons ตั้งอยู่บนดาวอังคาร (Mars) และมีขนาดที่ใหญ่มหึมาจนทำให้ภูเขาไฟบนโลกดูเล็กไปเลย ด้วยความสูงที่น่าทึ่งและพื้นผิวที่กว้างขวาง Olympus Mons ถือเป็นหนึ่งในจุดที่น่าศึกษาและสำรวจมากที่สุดในดาราศาสตร์
ขนาดและความยิ่งใหญ่ของ Olympus Mons
Olympus Mons มีขนาดใหญ่มหาศาล โดยมีความสูงถึง ประมาณ 22 กิโลเมตร (72,000 ฟุต) ซึ่งสูงกว่าภูเขาเอเวอเรสต์ (ที่สูงที่สุดบนโลก) ถึงเกือบ 2.5 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับเอเวอเรสต์ที่สูงประมาณ 8.8 กิโลเมตร นอกจากความสูงที่น่าทึ่งแล้ว ฐานของ Olympus Mons ยังมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 600 กิโลเมตร ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่เท่ากับรัฐแอริโซนาในสหรัฐอเมริกา ภูเขาไฟนี้ยังมีลักษณะเด่นที่ลาดชันอย่างมาก โดยเฉพาะที่ขอบซึ่งสูงประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ลาวาไหลออกมาอย่างช้า ๆ ในระหว่างการปะทุ และก่อตัวเป็นชั้นซ้อนทับกันมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป การปะทุของภูเขาไฟแบบนี้ทำให้ Olympus Mons เป็นภูเขาไฟประเภท โล่ภูเขาไฟ (shield volcano) ซึ่งเกิดจากการไหลของลาวาที่มีความหนืดต่ำ ทำให้ลาวาแผ่ขยายออกไปในวงกว้างและก่อตัวเป็นรูปทรงที่มีลักษณะเป็น “โล่” ขนาดมหึมา
การก่อตัวและประวัติศาสตร์ของ Olympus Mons
การก่อตัวของ Olympus Mons เกิดขึ้นจากกระบวนการภูเขาไฟที่ยาวนานมากนับล้านปี ลักษณะการก่อตัวของภูเขาไฟบนดาวอังคารแตกต่างจากโลก เนื่องจากดาวอังคารไม่มีการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก (plate tectonics) เหมือนกับโลก ซึ่งหมายความว่าแม็กมาที่ไหลออกมาจากภายในดาวจะสามารถขึ้นมาที่ผิวดาวอังคารได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน โดยไม่ต้องเปลี่ยนตำแหน่งหรือต้องเคลื่อนย้ายไปตามแผ่นเปลือกโลกเหมือนบนโลก ภูเขาไฟบนดาวอังคารสามารถปะทุซ้ำ ๆ เป็นเวลานับล้านปีได้โดยไม่มีสิ่งใดขัดขวาง กระบวนการนี้ทำให้ Olympus Mons ก่อตัวขึ้นเป็นภูเขาที่ใหญ่โตและสูงที่สุดในระบบสุริยะ นอกจากนี้ พื้นที่รอบ ๆ Olympus Mons ยังแสดงให้เห็นถึงร่องรอยของการไหลของลาวาที่เคยเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า Olympus Mons อาจจะยังเป็นภูเขาไฟที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ เนื่องจากการปะทุของมันหยุดไปไม่นานนักในแง่ทางธรณีวิทยา การวิจัยเพิ่มเติมจะช่วยให้เราทราบว่า Olympus Mons ยังคงมีพลังภูเขาไฟอยู่หรือไม่
ลักษณะทางกายภาพที่น่าสนใจ
นอกจากขนาดที่ใหญ่โตแล้ว Olympus Mons ยังมีลักษณะทางกายภาพที่น่าสนใจอีกมากมาย บริเวณยอดของภูเขาไฟมีหลุมยุบ (caldera) ขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นจากการปะทุของภูเขาไฟเมื่อแม็กมาภายในถูกปล่อยออกมามากเกินไปจนทำให้ยอดของภูเขาไฟยุบตัวลง หลุมยุบของ Olympus Mons มีขนาดกว้างประมาณ 80 กิโลเมตร และลึกหลายกิโลเมตร นี่เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงการปะทุที่รุนแรงในอดีต นอกจากนี้ Olympus Mons ยังมีแนวลาดที่อ่อนโยนมาก ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโล่ภูเขาไฟ เนื่องจากลาวาที่ไหลออกมามีความหนืดต่ำ ทำให้มันไหลออกไปในระยะทางไกลก่อนที่จะแข็งตัว การศึกษาลักษณะของการไหลของลาวาและการก่อตัวของ Olympus Mons ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับกระบวนการภูเขาไฟที่เกิดขึ้นบนดาวอังคาร
สภาพแวดล้อมบนดาวอังคารที่ส่งผลต่อการก่อตัวของ Olympus Mons
สภาพแวดล้อมบนดาวอังคารมีผลต่อการก่อตัวของ Olympus Mons อย่างมาก หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ภูเขาไฟบนดาวอังคารมีขนาดใหญ่มากกว่าบนโลกคือแรงโน้มถ่วงที่ต่ำกว่า ดาวอังคารมีแรงโน้มถ่วงเพียงประมาณ 38% ของโลก ซึ่งหมายความว่าสิ่งต่าง ๆ สามารถเติบโตได้สูงกว่าและกว้างกว่าโดยไม่ต้องรับน้ำหนักที่มากเกินไป นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ Olympus Mons สามารถเติบโตได้สูงถึง 22 กิโลเมตร อีกปัจจัยหนึ่งคือสภาพบรรยากาศที่เบาบางของดาวอังคาร เนื่องจากมีชั้นบรรยากาศที่บาง ทำให้การปะทุของลาวาบนดาวอังคารสามารถเกิดขึ้นได้ในลักษณะที่แตกต่างจากโลก โดยที่ลาวาอาจจะไหลออกมาโดยไม่ถูกขัดขวางจากแรงดันอากาศเหมือนบนโลก
การสำรวจและความสำคัญทางวิทยาศาสตร์
ภูเขาไฟ Olympus Mons ได้รับการสำรวจและถ่ายภาพโดยยานอวกาศหลายลำตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 20 การสำรวจนี้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ได้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับกระบวนการภูเขาไฟและธรณีวิทยาของดาวอังคาร ยานสำรวจเช่น Mars Global Surveyor และ Mars Reconnaissance Orbiter ได้ถ่ายภาพและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับภูเขาไฟนี้อย่างละเอียด การสำรวจ Olympus Mons มีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจว่าดาวอังคารเป็นดาวที่มีลักษณะทางธรณีวิทยาที่คล้ายคลึงกับโลกอย่างไร การศึกษาภูเขาไฟและการก่อตัวของ Olympus Mons ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ภูมิอากาศและการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมบนดาวอังคาร นอกจากนี้ ยังช่วยในการวางแผนการสำรวจดาวอังคารในอนาคตและการค้นหาสัญญาณของสิ่งมีชีวิตที่อาจจะเคยมีอยู่
อนาคตของการสำรวจ Olympus Mons
ในอนาคต การสำรวจ Olympus Mons ยังคงเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจสำหรับนักวิทยาศาสตร์และภารกิจสำรวจอวกาศ ยานสำรวจที่สามารถเดินทางไปถึงพื้นผิวของดาวอังคารได้อาจจะสามารถเก็บข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงสร้างของภูเขาไฟ การไหลของลาวา และการปะทุในอดีต นอกจากนี้ ยังอาจจะค้นพบข้อมูลใหม่ ๆ เกี่ยวกับองค์ประกอบทางธรณีวิทยาของดาวอังคาร ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจการก่อตัวของดาวเคราะห์และวิวัฒนาการของระบบสุริยะได้ดียิ่งขึ้น