“Stonehenge” ความลึกลับแห่งกองหินโบราณ

Stonehenge คือหนึ่งในอนุสรณ์สถานที่มีชื่อเสียงและลึกลับที่สุดในโลก ตั้งอยู่บนที่ราบ Salisbury Plain ทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ สถานที่นี้เป็นกลุ่มหินโบราณที่มีอายุราว 4,500 ปี ถูกสร้างขึ้นโดยคนในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งจนถึงวันนี้ ยังไม่มีใครสามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนว่ามนุษย์ในยุคนั้นสร้าง Stonehenge ขึ้นมาได้อย่างไร หรือเพื่อวัตถุประสงค์ใด

ประวัติและการสร้าง

Stonehenge ถูกสร้างขึ้นในหลายช่วงเวลา โดยเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงยุคหินใหม่ (Neolithic) และเสร็จสมบูรณ์ในยุคสำริด (Bronze Age) กองหินประกอบด้วยหินสองประเภทหลักคือ Sarsen ซึ่งเป็นหินทรายขนาดใหญ่ และ Bluestone ซึ่งเป็นหินสีน้ำเงินที่ถูกนำมาจากภูเขา Preseli ในเวลส์ ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 240 กิโลเมตร การก่อสร้าง Stonehenge ถูกแบ่งออกเป็นหลายเฟส

  1. เฟสแรก (ประมาณ 3000 ปีก่อนคริสต์ศักราช): เป็นช่วงที่มีการขุดคูดินล้อมรอบและสร้างวงหินแรกๆ ขึ้น ซึ่งประกอบด้วยไม้และหินเล็กๆ
  2. เฟสที่สอง (ประมาณ 2500 ปีก่อนคริสต์ศักราช): มีการนำหิน Bluestone มาจากเวลส์ และตั้งเรียงเป็นวงกลมล้อมรอบหินที่ใหญ่กว่า
  3. เฟสสุดท้าย (ประมาณ 2000 ปีก่อนคริสต์ศักราช): การก่อสร้างเสาหิน Sarsen ที่สูงกว่า 4 เมตรและหนักถึง 25 ตัน ซึ่งถูกตั้งเป็นวงกลมและจัดเรียงเป็นทรงโค้งหินโบราณ (Trilithons)

การขนส่งและการจัดเรียงหิน

หนึ่งในความลึกลับที่ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนคือวิธีที่มนุษย์ในยุคนั้นขนส่งหินหนักมากกว่า 25 ตันจากเวลส์มาสู่ที่ราบ Salisbury Plain นักวิจัยเชื่อว่าพวกเขาอาจใช้วิธีการลากหรือดึงหินบนท่อนไม้ และอาจใช้เรือแพลไม้ในการขนส่งหินผ่านทางแม่น้ำหรือทะเล การตั้งหินขนาดใหญ่เหล่านี้ให้ตรงและคงที่ในตำแหน่งที่ต้องการก็เป็นอีกปริศนาหนึ่งที่ยังไม่สามารถอธิบายได้อย่างแน่ชัด นักวิจัยเชื่อว่าผู้สร้างอาจใช้รางเลื่อน ไม้คาน และการใช้เชือกในการยกและจัดวางหินเหล่านี้

วัตถุประสงค์ของ Stonehenge

มีหลายทฤษฎีที่เสนอถึงวัตถุประสงค์ในการสร้าง Stonehenge บางทฤษฎีได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ในขณะที่บางทฤษฎีเป็นเพียงการคาดเดา

  1. สถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา: Stonehenge อาจเป็นสถานที่ที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของชนเผ่าโบราณ หลายคนเชื่อว่าสถานที่นี้อาจเป็นศูนย์กลางทางจิตวิญญาณที่ใช้ในการบูชาเทพเจ้า หรือเป็นสถานที่สำหรับการฝังศพของบุคคลสำคัญ
  2. หอดูดาวโบราณ: ทฤษฎีนี้ได้รับการสนับสนุนจากการจัดเรียงของหินที่สอดคล้องกับปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ เช่น การเกิดขึ้นของพระอาทิตย์ในช่วงวันเหมายัน (Solstice) และวันที่กลางวันเท่ากับกลางคืน (Equinox) ซึ่งอาจแสดงให้เห็นว่า Stonehenge ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการคำนวณเวลาและฤดูกาล
  3. ศูนย์กลางการรักษา: บางทฤษฎีเสนอว่า Stonehenge อาจเป็นศูนย์กลางการรักษา ซึ่งผู้คนจากที่ต่างๆ เดินทางมาที่นี่เพื่อรับการรักษา เนื่องจากมีการค้นพบซากโครงกระดูกของผู้คนที่มีบาดแผลหรือโรคภัยในพื้นที่ใกล้เคียง
  4. ศูนย์กลางทางสังคมและการเมือง: Stonehenge อาจเป็นสถานที่ที่ใช้ในการพบปะและเจรจาของผู้นำชนเผ่า หรือเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและความยิ่งใหญ่ของชุมชนในยุคนั้น

หลักฐานและการวิจัยล่าสุด

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การวิจัยและการขุดค้นทางโบราณคดีที่ Stonehenge ได้ให้ข้อมูลใหม่ๆ ที่ช่วยในการไขปริศนาของสถานที่นี้

  • การใช้เรดาร์ในการสำรวจใต้พื้นดิน: การใช้เทคโนโลยีเรดาร์และการสแกนพื้นดินได้ช่วยให้พบหลักฐานของโครงสร้างเพิ่มเติมที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพื้นที่รอบๆ Stonehenge เคยมีการใช้งานอย่างกว้างขวาง
  • การศึกษาทางเคมีของหิน: การวิเคราะห์ทางเคมีของหิน Bluestone ช่วยยืนยันว่าหินเหล่านี้มาจากภูเขา Preseli ในเวลส์ ซึ่งช่วยสนับสนุนทฤษฎีการขนส่งหินผ่านทางน้ำ
  • การค้นพบหลุมศพและเครื่องมือ: การค้นพบหลุมศพและเครื่องมือหินที่อยู่ใกล้เคียงช่วยให้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของผู้คนที่สร้าง Stonehenge

Stonehenge ในวัฒนธรรมสมัยใหม่

ในปัจจุบัน Stonehenge ยังคงเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทั้งในด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ทุกปีมีผู้คนหลายล้านคนเดินทางมาเยี่ยมชมสถานที่นี้เพื่อชื่นชมความงดงามและความลึกลับของมัน Stonehenge ยังเป็นสถานที่ที่จัดงานเทศกาลเฉลิมฉลองในวันเหมายัน ซึ่งดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกมาร่วมพิธี Stonehenge ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของปริศนาและความยิ่งใหญ่ของมนุษย์ในยุคโบราณ แม้ว่าหลายปริศนาเกี่ยวกับสถานที่นี้จะยังคงไม่มีคำตอบที่ชัดเจน แต่ Stonehenge ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจถึงความสามารถและความตั้งใจของมนุษย์ในการสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่และยืนยงแม้ในสมัยที่เทคโนโลยียังไม่พัฒนา

Stonehenge เป็นมากกว่าแค่กองหินโบราณ มันเป็นสัญลักษณ์ของความลึกลับและความยิ่งใหญ่ที่มนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ได้สร้างขึ้นมา แม้ว่าเราจะไม่สามารถเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับ Stonehenge ได้อย่างสมบูรณ์ แต่การวิจัยและการค้นพบใหม่ๆ ยังคงช่วยให้เราได้เข้าใกล้ความจริงมากขึ้นทุกวัน Stonehenge ยังคงเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและปริศนา มันเป็นเครื่องเตือนใจให้เราตระหนักถึงความซับซ้อนและความหลากหลายของวัฒนธรรมมนุษย์ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นหลังในการศึกษาและรักษามรดกทางวัฒนธรรมของเราให้คงอยู่ต่อไป

Share